ข้อมูลนำเสนอ

นี่คือคู่มือการตั้งค่าและการบันทึกเสียงในโปรแกรม Reaper โดยแบ่งเป็นขั้นตอนหลักๆ ดังนี้ครับ:

ส่วนที่ 1: การติดตั้งไดรเวอร์และตั้งค่าพื้นฐานสำหรับมิกเซอร์และไมโครโฟน

  1. ย้ายคอมพิวเตอร์และเชื่อมต่อ USB: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ย้ายคอมพิวเตอร์มาใกล้เครื่องมิกเซอร์ที่ต้องการใช้งาน และเสียบสาย USB เพื่อเชื่อมต่อระหว่างมิกเซอร์กับคอมพิวเตอร์
  2. ติดตั้งไดรเวอร์สำหรับมิกเซอร์:
    • สำหรับมิกเซอร์รุ่น X32 ต้องติดตั้ง X32 Driver ซึ่งจะทำให้คอมพิวเตอร์รู้จักมิกเซอร์เสมือนเป็น Sound Card
    • หากใช้มิกเซอร์รุ่นอื่น เช่น XR18 ก็ให้ติดตั้งไดรเวอร์ XR18
    • ขั้นตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของการอบรมในวันแรก และควรทำไปแล้ว
    • หลังจากติดตั้งไดรเวอร์ อาจจำเป็นต้อง รีสตาร์ท เครื่องคอมพิวเตอร์
  3. ตั้งค่าไมโครโฟนใน Control Panel (สำหรับ 2-Track หรือใช้งานร่วมกับโปรแกรมอื่น):
    • ไปที่ Control Panel > Sound > แท็บ Recording
    • เลือกไมโครโฟนที่เชื่อมต่อกับมิกเซอร์ (เช่น BEHRINGER X32 USB 1-2)
    • ตั้งค่าให้เป็น 1-2: เหตุผลคือเพื่อให้เป็น Main LR (Left/Right) ของมิกเซอร์ หากตั้งเป็น 1-8 เสียงอาจจะปะปนกันมาจากหลายช่องสัญญาณ การตั้งค่านี้ช่วยให้ง่ายต่อการบันทึกแบบ 2 แทร็ก
    • ตั้งเป็นค่าเริ่มต้น (Set Default)
    • ปรับระดับความดัง: ตั้งค่า Slider เป็นประมาณ 80 เพื่อป้องกันเสียงพีค (Peak) หรือเบาเกินไป
    • ข้อควรทราบ: การตั้งค่านี้จำเป็นสำหรับโปรแกรมอื่น เช่น OBS, Cam แต่สำหรับ Reaper โดยตรงอาจไม่จำเป็นต้องทำ แต่แนะนำให้ทำเพื่อความชัวร์

ส่วนที่ 2: การตั้งค่า Audio Device ในโปรแกรม Reaper

  1. เปิดหน้าต่าง Preferences: ในโปรแกรม Reaper กด Ctrl + P
  2. เลือก Audio System: ไปที่ส่วน Audio System และเลือก ASIO
    • ASIO เป็นไดรเวอร์ที่ใช้สำหรับ Sound Card ที่ออกแบบมาเพื่อการทำเพลงและดนตรี ซึ่งสามารถบันทึกได้มากกว่า 2 แทร็ก
  3. เลือก ASIO Driver: เลือกไดรเวอร์สำหรับมิกเซอร์ของคุณ เช่น XUSB Driver (สำหรับ X32) หรือ X Air USB Driver (สำหรับ XR18)
  4. ตั้งค่า Input และ Output Range:
    • Enable Input
    • First Input: ตั้งเป็น 1
    • Last Input: ตั้งเป็น 32 สำหรับมิกเซอร์ X32 (หากเป็น XR18 ให้ตั้งเป็น 18)
      • การตั้งค่านี้หมายความว่าคุณสามารถบันทึกได้ถึง 32 Input พร้อมกัน
    • First Output: ตั้งเป็น 1
    • Last Output: ตั้งเป็น 32 สำหรับมิกเซอร์ X32
      • การตั้งค่านี้หมายความว่าคุณสามารถ Playback เสียงออกทางมิกเซอร์ได้ 32 Output พร้อมกัน และสามารถปรับแยกแต่ละ Input ได้
  5. ตั้งค่า Sample Rate:
    • Check ตัวเลือก Sample Rate
    • เลือกเป็น 48kHz (48,000 Hz)
    • 48kHz เป็นมาตรฐานเสียงที่ใช้ในสตูดิโอทั่วไปและมิกเซอร์ X32 รองรับค่านี้
  6. ตั้งค่า Request Block Size:
    • ตั้งค่าเป็น 256
    • Block Size มีผลต่อการใช้ CPU และค่าความหน่วงของเสียง (Latency)
      • ค่าต่ำ (เช่น 128) จะมีความหน่วงน้อย แต่ต้องการคอมพิวเตอร์ที่แรง
      • ค่าสูง จะมีความหน่วงมากขึ้น แต่คอมพิวเตอร์ทั่วไปก็สามารถบันทึกได้
      • 256 เป็นค่ากลางๆ ที่โดยปกติแล้วจะไม่มีดีเลย์ที่รู้สึกได้
    • หากเสียงกระตุกระหว่างการบันทึก อาจจะต้องเพิ่มค่า Block Size นี้
  7. กด OK เพื่อบันทึกการตั้งค่า

ส่วนที่ 3: การบันทึกเสียงแบบ 2-Track Stereo ในโปรแกรม Reaper

  1. สร้างแทร็ก: กด Ctrl + T เพื่อสร้าง 1 แทร็ก
  2. เลือก Input เป็น Stereo:
    • คลิกขวา (หรือกด Application key) บนแทร็กที่สร้างขึ้น
    • เลือก Input: Stereo
    • เลือก Input 1 / Input 2
    • การตั้งค่านี้จะทำให้แทร็กเดียวบันทึกเสียงแบบ Stereo (ซ้าย-ขวา)
  3. Arm (เตรียมพร้อมบันทึก): คลิกที่ปุ่ม R บนแทร็ก (บางครั้งเรียกว่า Arm)
  4. เริ่มบันทึก: กดปุ่ม R บนคีย์บอร์ด
  5. หยุดบันทึก: กดปุ่ม R บนคีย์บอร์ดอีกครั้ง
  6. ฟังเสียงที่บันทึก: กด Spacebar
  7. การใช้งานแบบ 2-Track: เหมาะสำหรับการบันทึกเสียงรวมของการประชุมหรือการแสดงดนตรี ที่ต้องการเสียงแบบสำเร็จรูป ไม่ต้องปรับแต่งเพิ่มเติม โดยเสียงที่ได้จะถูกเก็บเป็น 1 แทร็กแบบ Stereo เมื่อ Export ออกไป ที่เรียกว่า 2 แทร็ก เพราะหมายถึงมีเสียงซ้ายและขวา

ส่วนที่ 4: การบันทึกเสียงแบบ Multi-Track (หลายช่องสัญญาณ) ในโปรแกรม Reaper

  1. สร้างหลายแทร็ก:
    • กด Ctrl + T ซ้ำๆ เพื่อสร้างจำนวนแทร็กที่ต้องการ หรือไปที่ Insert > Multiple Tracks
    • สำหรับการบันทึกแบบ Multi-track คุณจะต้องสร้างแทร็ก มากกว่า 2 แทร็ก
  2. ตั้งค่า Input แต่ละแทร็กเป็น Mono:
    • สำหรับแต่ละแทร็ก ให้คลิกขวา (หรือกด Application key) บนแทร็ก
    • เลือก Input: Mono
    • กำหนด Input ของแต่ละแทร็กให้ตรงกับ Channel ของมิกเซอร์:
      • แทร็ก 1 เลือก Input 1
      • แทร็ก 2 เลือก Input 2
      • แทร็ก 3 เลือก Input 3
      • ...และทำเช่นนี้ไปจนถึงจำนวนแทร็กที่ต้องการ (สูงสุด 32 แทร็กสำหรับ X32)
    • เหตุผลที่เลือก Mono: เพื่อให้อิสระในการปรับแต่งเสียงแต่ละชิ้น (เช่น แพนเสียงกีตาร์ไปซ้าย, เบสอยู่กลาง, เปียโนไปขวา) หลังจากบันทึกเสร็จสิ้น เป็นค่ามาตรฐานที่ช่วยให้คนที่จะนำไฟล์ไปใช้ต่อเข้าใจได้ง่าย
  3. Arm (เตรียมพร้อมบันทึก) สำหรับทุกแทร็กที่ต้องการ:
    • คลิกที่ปุ่ม R บน ทุกแทร็ก ที่คุณต้องการบันทึก
    • แทร็กไหนที่ไม่ได้ถูก "Arm" จะไม่ถูกบันทึก
  4. เริ่มบันทึก: กดปุ่ม R บนคีย์บอร์ด (สามารถกดได้จากแทร็กใดก็ได้)
  5. หยุดบันทึก: กดปุ่ม R บนคีย์บอร์ดอีกครั้ง
  6. การจัดการเสียงระหว่างบันทึก (Mute/Unmute):
    • ไม่สามารถ "Unarm" แทร็กแบบ Real-time ใน Reaper เพื่อหยุดบันทึกเป็นบางช่วงได้
    • หากต้องการให้เสียงบาง Channel เงียบไปชั่วขณะ ให้ Mute Channel นั้นโดยตรงที่มิกเซอร์ แทน เสียงในแทร็กนั้นๆ ใน Reaper ก็จะเงียบไปตาม
  7. การทดสอบ/สาธิตหลังบันทึก:
    • หลังจากบันทึก Multi-track สามารถเปิดฟังได้
    • สามารถกดปุ่ม Solo (F6) เพื่อฟังเสียงแต่ละแทร็กแยกกันได้ ว่าแทร็ก 1 เป็นเสียงอะไร แทร็ก 2 เป็นเสียงอะไร เป็นต้น การสาธิตนี้จะใช้คอมพิวเตอร์กลางที่มีไฟล์ตัวอย่างเตรียมไว้
    • นอกจากนี้ยังสามารถเริ่มต้นด้วยการเปิดตัวอย่างเสียงแบบ 2 แทร็ก (เช่น เสียงร้องกับดนตรีรวม) และ Multi-track เพื่อให้ผู้เข้าอบรมเข้าใจความแตกต่างก่อนเริ่มตั้งค่า

ข้อควรจำเพิ่มเติม:

  • ก่อนการบันทึก ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าการตั้งค่า Input/Output ของมิกเซอร์ตรงกับการตั้งค่าในโปรแกรม Reaper
  • กระบวนการนี้อาจซับซ้อนสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับ Reaper หรือการบันทึกเสียง แต่ผู้ที่มีพื้นฐานทางดนตรีหรือเคยใช้ Reaper มาก่อนจะเข้าใจได้ง่ายขึ้น
  • การตั้งค่าข้างต้นเป็นเพียงการเตรียมพร้อมสำหรับการบันทึกเสียงในโปรแกรม Reaper ส่วนการตั้งค่า Channel และการจัดการสัญญาณเสียงจากมิกเซอร์นั้นจะเป็นหน้าที่ของผู้ที่เชี่ยวชาญด้านมิกเซอร์